มันง่ายมากที่มือใหม่จะหลงทางในโลกของการลงทุน หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม ETS และอื่น ๆ เราจะมาพูดคุยกันถึงแต่ละประเภทของสินทรัพย์ที่เป็นที่รู้จักกันดี เพื่อให้คุณสามารถเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับคุณมากที่สุดได้
ประเภทหลัก ๆ ของการลงทุนมีอะไรบ้าง?
การลงทุนมีหลากหลายรูปแบบและขนาด แต่โดยทั่วไปแล้ว คุณสามารถแบ่งออกได้เป็นสามประเภทหลัก ๆ
ตราสารทุน: นักลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท
ตราสารหนี้: รัฐบาลหรือองค์กรกู้ยืมเงิน และผู้ให้กู้จะได้รับดอกเบี้ยและการชำระเงินต้นเป็นประจำ
เงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด: นอกเหนือจากเงินสดแล้ว สิ่งเหล่านี้ได้แก่ บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือบัญชีตลาดเงิน
ประเภททั่วไปของหลักทรัพย์
กองทุนรวม
กองทุนรวมเป็นประเภทของตราสารการลงทุนที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดประเภทหนึ่ง ผู้คนจะนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวม ลงทุนในพอร์ตกระจายความเสี่ยงของหุ้น พันธบัตร หรือหลักทรัพย์อื่น ๆ กองทุนรวมมักจะได้รับการดำเนินการโดยผู้จัดการมืออาชีพมากกว่านักลงทุนเอง ผู้จัดการจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขายสินทรัพย์ใดบ้างตามเป้าหมายของกองทุน
ประเภทหลัก ๆ ของกองทุนรวม ได้แก่:
กองทุนรวมตราสารทุน— คุณสามารถใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อลงทุนในหุ้น
กองทุนดัชนี — กองทุนที่บริหารแบบเฉื่อย ๆ ซึ่งสะท้อนถึงดัชนีตลาดบางรายการ (เช่น S&P 500 เป็นต้น)
กองทุนตราสารหนี้ — มุ่งเน้นไปที่ตราสารหนี้ที่สร้างรายได้และโดยทั่วไปมีความเสี่ยงน้อยกว่ากองทุนรวมตราสารทุน
กองทุนตลาดเงิน — เกี่ยวข้องกับการลงทุนในสินทรัพย์ระยะสั้น
เหตุใดจึงควรเลือกกองทุนรวม?
ประโยชน์หลัก ๆ ของหลักทรัพย์ประเภทนี้คือการกระจายความเสี่ยง โดยแทนที่จะนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในหุ้นตัวเดียว กองทุนรวมจะลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยง
ข้อดีอีกประการคือการจัดการอย่างมืออาชีพ คุณสมบัตินี้จะดึงดูดนักลงทุนมือใหม่เป็นพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จะทำการวิเคราะห์ตลาด แล้วตัดสินใจลงทุนในนามของกองทุน
คุณสามารถซื้อหรือขายหุ้นได้ในช่วงท้ายของวันซื้อขาย ความยืดหยุ่นนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงเงินของคุณได้ง่าย ๆ หากคุณต้องการ
ตราสารหนี้
กำลังเลือกหลักทรัพย์ที่ให้ความสมดุลระหว่างเสถียรภาพและความเสี่ยงต่ำอยู่เหรอ? ตราสารหนี้คือหลักทรัพย์ที่เป็นคำตอบ สรุปง่าย ๆ ว่าตราสารหนี้ก็คือเงินกู้ โดยที่นิติบุคคลจะชำระคืนดอกเบี้ย และเมื่อครบกำหนด ก็จะชำระคืนตามมูลค่าที่ตราไว้ของตราสารหนี้ รัฐบาลใช้ตราสารหนี้เพื่อระดมทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทต่าง ๆ ก็จะกู้เพื่อขยายธุรกิจของตน การลงทุนในตราสารหนี้ประเภทนี้มีความน่าเชื่อถือ แต่โดยทั่วไปแล้วจะให้ผลตอบแทนที่อาจได้รับต่ำกว่า
มีองค์ประกอบสำคัญบางประการที่คุณควรทราบ เงินต้น คือมูลค่าที่ตราไว้ดั้งเดิมของตราสารหนี้ ตราสารหนี้จะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราคงที่ ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า อัตราดอกเบี้ยพันธบัตร ตัวอย่างเช่น ตราสารหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรที่ 5% ของมูลค่าที่ตราไว้ 1,000 ดอลลาร์ จะต้องจ่ายดอกเบี้ย 50 ดอลลาร์ต่อปี จนถึงวันครบกำหนด ซึ่งเป็นวันที่ผู้ออกพันธบัตรต้องชำระเงินต้นคืน
ตราสารหนี้มีหลายประเภท ได้แก่
รัฐบาล — ออกโดยรัฐบาล (เช่น พันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐฯ) โดยทั่วไปแล้วจะมีความเสี่ยงต่ำ
องค์กร — ออกโดยบริษัทต่าง ๆ และมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลเนื่องจากความเสี่ยงที่สูงกว่า
เทศบาล — ออกโดยรัฐบาลท้องถิ่นหรือเทศบาล ซึ่งมักจะมีผลประโยชน์ทางด้านภาษี
อย่าปล่อยให้การลงทุนของคุณหยุดชะงัก มาสร้างแหล่งรายได้ที่เชื่อถือได้ด้วยกันกับ FBS!
เริ่มตอนนี้หุ้น
หุ้น โดยพื้นฐานแล้วจะสะท้อนถึงแนวคิดเรื่องความเป็นเจ้าของ เมื่อคุณซื้อหุ้น นั่นหมายถึงคุณกำลังซื้อส่วนแบ่งของสินทรัพย์และรายได้ของธุรกิจ หุ้นเป็นสิ่งที่มักจะผุดขึ้นในใจในตอนที่เราคิดถึงวิธีการสร้างความมั่งคั่งอย่างรวดเร็วในระยะยาว แม้ว่ามันจะรวดเร็ว แต่มันก็มีความมท้าทายของตัวมันเองอย่างแน่นอน เช่น มีความเสี่ยงมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้เนื่องจากความผันผวนของตลาด (ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้)
มาดูหุ้นสองประเภทหลักกัน
หุ้นจะมีกำไรจากส่วนทุน (กำไรที่ได้รับเมื่อมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นและผู้ถือหุ้นขายไปในราคาที่สูงขึ้น) และเงินปันผล (ส่วนหนึ่งของกำไรของบริษัทที่เป็นเงินสด) ราคาหุ้นอาจมีความผันผวนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ผลการดำเนินงานของบริษัท ความต้องการของนักลงทุน แนวโน้มอุตสาหกรรม และสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจโดยรวม คุณสามารถซื้อหรือขายหุ้นบนตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ ได้ เช่น NYSE หรือ Nasdaq นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นได้ทั้งแบบ Active หรือ Passive
กองทุนรวมดัชนี (ETFs)
คุณสามารถเปรียบเทียบกองทุนรวมดัชนีกับกลุ่มสินทรัพย์ต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงหลักทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่น พันธบัตร หุ้น หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ETF ก็มีความหลากหลายเช่นเดียวกับกองทุนรวม ความแตกต่างคือคุณสามารถซื้อขายกองทุนรวมได้เฉพาะในช่วงสิ้นวันซื้อขายเท่านั้น ส่วนกองทุนรวมดัชนี คุณสามารถซื้อขายได้ในตลาดแลกเปลี่ยนในช่วงระหว่างวันซื้อขายเช่นเดียวกับหุ้น
กองทุนรวมดัชนีอาจเน้นไปที่หุ้น (ติดตามดัชนีหรือภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่ง) พันธบัตร อุตสาหกรรม หรือสินค้าโภคภัณฑ์
ทำไมต้องกองทุนรวมดัชนี?
การกระจายความเสี่ยงของกองทุนรวมดัชนี้จะช่วยให้นักลงทุนได้สัมผัสตลาดขึ้นและลดความเสี่ยง โดยทั่วไปแล้วจะมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนรวมและไม่กำหนดจำนวนการลงทุนขั้นต่ำ แต่จะกำหนดเพียงราคาหุ้นหนึ่งหุ้นเท่านั้น แถมมันยังมีสภาพคล่องสูงกว่าและมีความยืดหยุ่นมากกว่าเมื่อเทียบกับกองทุนรวม
ในทางกลับกัน เนื่องจากกองทุนรวมจะติดตามตลาดหรือบางภาคส่วน จึงทำให้มันยังคงเผชิญกับความผันผวนของตลาด บางกองทุนรวมดัชนีอาจเบี่ยงเบนเล็กน้อยจากดัชนีอ้างอิงของมันเองเนื่องจากค่าธรรมเนียม ต้นทุนการซื้อขาย หรือปัญหาสภาพคล่อง
กองทุนรวมดัชนีสามารถตอบสนองเป้าหมายการลงทุนที่หลากหลาย ซึ่งนักลงทุนจะใช้มันเพื่อการเติบโตทั้งในระยะยาวและระยะสั้น กองทุนรวมดัชนีที่เน้นเงินปันผลและพันธบัตรจะสร้างรายได้ได้อย่างสม่ำเสมอ
แผนการเกษียณอายุ
มาดูตัวเลือกที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการเกษียณอายุ: แผนที่นายจ้างสนับสนุนและบัญชีเงินเกษียณส่วนบุคคล (IRA)
บริษัทบางแห่งจัดทำแผนเกษียณอายุที่ได้รับการสนับสนุนจากนายจ้างให้กับพนักงานของตน และบ่อยครั้งที่ทั้งนายจ้างและลูกจ้างก็จะร่วมกันจ่าย
แผน 401 (k) (ในสหรัฐอเมริกา) จะช่วยให้คุณสามารถนำรายได้ก่อนหักภาษีส่วนหนึ่งไปฝากไว้ในบัญชีเงินเกษียณได้ จากนั้นคุณจะลงทุนเงินก้อนนี้ในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร และกองทุนรวม
แผน 403(b) มีลักษณะคล้ายกับแผน 401(k) แต่โดยทั่วไปจะนำเสนอโดยองค์กรไม่แสวงหากำไรและโรงเรียนรัฐบาล
ผู้เกษียณอายุจะได้รับแผนบำนาญพร้อมรายได้รายเดือนที่แน่นอน จำนวนเงินจะขึ้นอยู่กับรายได้และระยะเวลาในการทำงานก่อนเกษียณ
บัญชีเงินเกษียณส่วนบุคคล (IRA) คือบัญชีออมทรัพย์ที่ออกแบบมาเพื่อการเกษียณอายุโดยเฉพาะ พนักงานจะมีส่วนสนับสนุนและลงทุนในกองทุนด้วยตนเองนอกเหนือจากแผนที่ได้รับการสนับสนุนจากนายจ้าง ซึ่งมีดังนี้
iRA แบบดั้งเดิม ที่ช่วยให้คุณสามารถลงทุนรายได้ก่อนหักภาษี ลดรายได้ประจำปีที่ต้องเสียภาษี และเพิ่มการลงทุนของคุณได้โดยไม่ต้องเสียภาษี
Roth IRA ที่มีการสมทบเงินโดยใช้รายได้หลังหักภาษี และไม่มีการหักภาษีทันที แถมรายได้ยังเติบโตโดยไม่ถูกคิดภาษีอีกด้วย
SEP IRAs สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ
บัตรฝากเงิน (CDs)
บัตรฝากเงิน (CDs) ถือเป็นตราสารการลงทุนที่เชื่อถือได้และอนุรักษ์นิยม มันง่ายพอ ๆ กับการฝากเงินในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วรับดอกเบี้ยคงที่ อย่างไรก็ตาม หากคุณพยายามถอนเงินออกก่อนสิ้นสุดระยะเวลา คุณจะต้องจ่ายค่าปรับ
ข้อดีของบัตรฝากเงินนั้นมีความชัดเจน: มีรายได้ที่แน่นอน เงินฝากมักได้รับการประกัน และอัตราดอกเบี้ยก็สูง ในทางกลับกัน พวกมันจะมีสภาพคล่องน้อยกว่ามาก แถมยังมีความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้ออยู่เสมอ
ฝากและถอนเงินอย่างปลอดภัยกับ FBS ทำเงินตอนนี้!
วิธีการฝากเงินที่ FBSออปชั่น
ออปชั่นยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลกและไม่น่าแปลกใจ มันมีประโยชน์สำหรับเป้าหมายการลงทุนต่าง ๆ เช่น การจัดการความเสี่ยง การป้องกันความเสี่ยง หรือการสร้างรายได้ ออปชั่นคือหลักทรัพย์ที่ให้สิทธิ์แก่นักลงทุน (แต่ไม่มีภาระผูกพัน) ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าภายในระยะเวลาที่กำหนด โปรดทราบว่านักลงทุนไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยตรง
หุ้น ดัชนี หรือสินค้าโภคภัณฑ์จะทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์อ้างอิงสำหรับสัญญาออปชั่น นักลงทุนควรซื้อหรือขายสินทรัพย์ภายในวันหมดอายุที่กำหนด มิฉะนั้น สัญญาจะถือเป็นโมฆะ ผู้ถือออปชั่นสามารถดำเนินการออปชั่น (ซื้อหรือขายสินทรัพย์) ได้ที่ราคาใช้สิทธิ์คงที่ ต้นทุนในการซื้อออปชั่นจะถูกเรียกว่าค่าพรีเมี่ยม
ออปชั่นมีอยู่สองประเภทหลัก ๆ ได้แก่
คอลออปชั่นซึ่งเป็นเรื่องของการซื้อสินทรัพย์อ้างอิง การซื้อคอลออปชั่นซื้อถือเป็นความคิดที่ดีหากคุณเชื่อว่าราคาสินทรัพย์จะเติบโตเหนือราคาใช้สิทธิ์ก่อนสัญญาจะหมดอายุ หากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น คุณสามารถซื้อสินทรัพย์นั้นได้ในราคาลด จากนั้นก็อาจขายในตลาดเพื่อทำกำไร
ทุทออปชั่นซึ่งเป็นเรื่องของการขายสินทรัพย์อ้างอิง รูปแบบการทำงานของพุทออปชั่นคือนักลงทุนจะซื้อพุทออปชั่นหากพวกเขาเชื่อว่าราคาของสินทรัพย์จะลดลงต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ์ก่อนวันหมดอายุ หากเป็นเช่นนั้น ผู้ถือสามารถขายสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่า จากนั้นค่อยซื้อกลับมาในราคาตลาดที่ต่ำกว่า ถึงจะได้รับกำไร
ออปชั่นถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุนต่าง ๆ เช่น การป้องกันความเสี่ยง การเก็งกำไร การกู้ยืม และการสร้างรายได้
เมื่อต้องจัดการกับออปชั่น ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงที่มากับออปขั่นเหล่านั้น:
พวกมันจะมีอายุเฉพาะในกรอบเวลาที่แน่นอนเท่านั้น
การใช้เลเวอเรจสามารถเพิ่มผลกำไรได้หลายเท่า แต่ก็สามารถทำให้เกิดการสูญเสียได้เช่นกัน
ออปชั่นมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาสินทรัพย์อ้างอิง และตลาดอาจมีความผันผวน
ตราสารอนุพันธ์
ตราสารอนุพันธ์คือสัญญาที่มีราคาขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ ดัชนี หรือหลักทรัพย์อ้างอิง นักลงทุนมักจะซื้อขายสัญญาประเภทนี้ผ่านตลาดแลกเปลี่ยนหรือผ่านเคาน์เตอร์ (OTC) ตัวอย่างเช่น สัญญาฟอร์เวิร์ดและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต่างก็เป็นตราสารอนุพันธ์
โดยทั่วไปแล้วมักถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มเลเวอเรจ เนื่องจากมันช่วยให้นักลงทุนสามารถรักษาสถานะใหญ่ ๆ ด้วยเงินจำนวนน้อยกว่าได้ จำไว้ว่าการใช้เลเวอเรจจะขยายทั้งผลกำไรและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
เงินบำนาญ
หากคุณต้องการแหล่งรายได้ที่คงที่ในอนาคต คุณควรพิจารณาเรื่องเงินบำนาญ บริษัทประกันภัยจะเสนอทางเลือกนี้เพื่อแปลงเงินก้อนเป็นเงินจ่ายประจำที่สามารถจ่ายได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือตลอดช่วงชีวิตที่เหลือของผู้รับบำนาญ ผู้คนส่วนใหญ่มักใช้เป็นแหล่งรายได้หลังเกษียณอายุ
นี่คือคำแนะนำฉบับย่อเกี่ยวกับเงินบำนาญ
การลงทุนเริ่มแรกหรือจำนวนเงินที่จ่ายเข้าสู่เงินบำนาญรายปี ไม่ว่าจะเป็นเงินก้อนเดียวหรือผ่านการจ่ายเงินสมทบเป็นงวด ๆ ในช่วงเวลาต่าง ๆ จะถูกเรียกว่าเงินต้น โครงสร้างการจ่ายเงินจะกำหนดว่านักลงทุนจะได้รับเงินบำนาญเมื่อใดและอย่างไร สามารถกำหนดเป็นรายเดือน รายไตรมาส รายปี หรือแม้กระทั่งเป็นเงินก้อนในอนาคตก็ได้ เมื่อนักลงทุนจ่ายเงินสมทบหรือฝากเงินเข้าระบบบำนาญซึ่งทำให้เงินเติบโต นั่นหมายถึงพวกเขากำลังอยู่ในช่วงสะสมเงิน เมื่อเงินบำนาญเริ่มถูกจ่ายให้แก่นักลงทุนเป็นประจำ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการแจกจ่าย (หรือการจ่ายเงิน)
เงินบำนาญมีหลายประเภท ได้แก่
อัตราคงที่ ซึ่งจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่รับประกันตลอดระยะเวลาที่กำหนดในระหว่างระยะสะสม
แปรผัน ซึ่งเสนอการลงทุนพื้นฐานในกองทุนที่หลากหลาย ดังนั้นจำนวนเงินที่จ่ายจึงแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของการลงทุน
ดัชนีซึ่งให้ผลตอบแทนตามผลการดำเนินงานของดัชนีตลาด เช่น S&P 500
นอกจากนี้ยังมีเงินบำนาญแบบจ่ายทันทีและแบบเลื่อนการจ่ายอีกด้วย แบบแรกนั้นจะซื้อเป็นเงินก้อนล่วงหน้าและจ่ายเงินทันที ในขณะที่แบบหลังนั้นจะเริ่มจ่ายเงินในอนาคต ซึ่งจะทำให้เงินต้นเติบโตขึ้นในระหว่างระยะสะสม
ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของเงินบำนาญทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุน เนื่องจากเงินบำนาญจะมีกระแสรายได้ที่เชื่อถือได้และมอบความมั่นคงทางการเงิน เงินที่ลงทุนในเงินบำนาญจะเติบโตโดยไม่ต้องเสียภาษี และหลายเงินบำนาญต่างก็มีคุณสมบัติเพิ่มเติมที่สามารถปรับแต่งได้
ในส่วนของความเสี่ยง เงินบำนาญอาจมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมจำนวนมาก โดยทั่วไปแล้วจะถือมันเป็นการลงทุนระยะยาว และมีสภาพคล่องน้อยกว่าการลงทุนประเภทอื่น เช่น หุ้นหรือพันธบัตร เงินบำนาญแบบคงที่จะให้รายได้ที่สม่ำเสมอ แต่ก็อาจสูญเสียอำนาจการซื้อได้ในระยะยาวได้หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เงินบำนาญบางประเภทจะมีการป้องกันเงินเฟ้อ แต่ก็อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
การลงทุนแบบผสมผสาน
การลงทุนแบบผสมผสานเป็นการผสมผสานคุณสมบัติของทั้งหนี้ (รายได้คงที่) และหุ้น (หุ้น) เพื่อมอบทางเลือกตรงกลางระหว่างเสถียรภาพของรายได้และศักยภาพในการเติบโตให้กับผู้ลงทุน
ประเภทหลัก ๆ ของการลงทุนแบบผสามผสาน ได้แก่:
การลงทุนแบบผสมผสานจะช่วยให้เกิดการกระจายความเสี่ยง โดยมีการผสมผสานสินทรัพย์หลายประเภทซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ หลายการลงทุนแบบผสมผสานจะให้ทั้งรายได้ประจำ (จากเงินปันผลหรือดอกเบี้ย) และศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าของเงินทุน การลงทุนแบบผสมผสานจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีระดับการจัดสรรหุ้นและพันธบัตรที่แตกต่างกันโดยพิจารณาจากเป้าหมายส่วนตัวของตน
ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมีปัจจัยบางประการที่คุณควรพิจารณา
แม้ว่าการลงทุนแบบผสมผสานจะปลอดภัยกว่าการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่มันก็มักให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเนื่องจากมีส่วนประกอบที่มีรายได้คงที่
การลงทุนแบบผสมผสานมักจะมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
ส่วนประกอบของตราสารหนี้และการจ่ายเงินปันผลในหุ้นผสมมีแนวโน้มที่จะจำกัดศักยภาพในการเติบโตที่การลงทุนในหุ้นล้วน ๆ อาจมอบให้
การลงทุนแบบผสมผสานบางประเภทอาจมีความซับซ้อนและมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนได้ในระยะยาว
ความเสี่ยงด้านตลาดและสินเชื่ออาจส่งผลกระทบต่อตราสารหนี้แบบผสมผสาน โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่ผูกกับพันธบัตรขององค์กร
อยากเริ่มต้นการลงทุนเหรอ? ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นที่ไหนดีใช่ไหม? เริ่มต้นกับ FBS: แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย และได้รับการกำกับดูแล
ลองใช้บัญชีทดลองสินค้าโภคภัณฑ์
สินค้าโภคภัณฑ์หมายถึงวัตถุดิบที่สามารถซื้อ ขายหรือแลกเปลี่ยนได้ เช่น ทรัพยากร โลหะ แหล่งพลังงาน และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร
สินค้าโภคภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่:
ทรัพยากรธรรมชาติที่สกัดมาจากดิน: ทรัพยากรธรรมชาติที่ได้มาจากโลก เช่น โลหะ และแหล่งพลังงาน (ทองคำ เงิน น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ทองแดง)
สินค้าเกษตร: ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและปศุสัตว์ (ข้าวสาลี ข้าวโพด กาแฟ น้ำตาล ถั่วเหลือง ปศุสัตว์)
เหตุใดจึงควรลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์?
มันมักจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเในตอนที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งทำให้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม ตัวอย่างเช่น สินค้าจำเป็นที่มีความต้องการสูง เช่น น้ำมัน ทองคำ และราคาอาหารต่างก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ
โดยทั่วไปแล้ว สินค้าโภคภัณฑ์จะไม่ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น หุ้นและพันธบัตร ซึ่งทำให้มันมีประสิทธิภาพในการกระจายความเสี่ยง
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจมีความผันผวนสูง จึงเป็นโอกาสในการทำกำไรมหาศาล ข้อจำกัดด้านอุปทาน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนอาจมีบทบาทเชิงลบได้เสมอ เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจทำให้ราคาปรับตัวลงได้อย่างรวดเร็วและเหนือความคาดหมาย สำหรับการลงทุนในสินค้าที่จับต้องได้ การจัดเก็บ การประกัน และการขนส่ง อาจเพิ่มต้นทุนและทำให้ความสามารถในการทำกำไรลดลง ข้อเสียอีกประการหนึ่งก็คือสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่จะไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งแตกต่างจากหุ้นและพันธบัตร
ตารางเปรียบเทียบตามประเภทของการลงทุน
ประเภทของการลงทุน | ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ | ระดับความเสี่ยง | สภาพคล่อง | ค่าธรรมเนียม | ประสิทธิภาพทางภาษี |
กองทุนรวม | กลาง | กลาง | สูง | กลาง | กลาง |
ตราสารหนี้ | ต่ำถึงกลาง | ต่ำถึงกลาง | ต่ำถึงสูง | ต่ำ | สูง |
หุ้น | สูง | สูง | สูง | ต่ำถึงกลาง | กลาง |
กองทุนรวมดัชนี | กลาง | กลาง | สูง | ต่ำ | สูง |
แผนเกษียณอายุ | กลาง | ต่ำถึงกลาง | ต่ำ | กลาง | สูง |
บัตรฝากเงิน | ต่ำ | ต่ำ | ต่ำ | ต่ำ | สูง |
ออปชั่น | สูง | สูง | สูง | สูง | กลาง |
ตราสารอนุพันธ์ | สูง | สูง | สูง | สูง | ต่ำถึงกลาง |
เงินบำนาญ | ต่ำถึงกลาง | ต่ำถึงกลาง | ต่ำ | สูง | สูง |
การลงทุนแบบผสมผสาน | กลางถึงสูง | กลางถึงสูง | กลาง | กลาง | กลาง |
สินค้าโภคภัณฑ์ | สูง | สูง | กลางถึงสูง | ต่ำ | ต่ำถึงกลาง |
วิธีการซื้อการลงทุนประเภทต่าง ๆ
ประเภทของการลงทุน | ซื้อได้ที่ไหน |
กองทุนรวม | โดยตรงจากบริษัทกองทุน ผ่านบัญชีโบรกเกอร์หรือที่ปรึกษาทางการเงิน |
ตราสารหนี้ | จากแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์ (พันธบัตรบริษัท) จากโบรกเกอร์หรือบางครั้งโดยตรงจากหน่วยงานที่ออก (หุ้นกู้เทศบาล) |
หุ้น | แพลตฟอร์มโบรกเกอร์ออนไลน์ |
กองทุนรวมดัชนี | ผ่านบัญชีโบรกเกอร์ |
แผนเกษียณอายุ | ผ่านนายจ้างของคุณ (401(k)) ผ่านทางสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร หรือ บริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (IRA) |
บัตรฝากเงิน | ธนาคารหรือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน |
ออปชั่น | บัญชีโบรกเกอร์ที่เปิดให้ซื้อขายออปชั่น |
ตราสารอนุพันธ์ | แพลตฟอร์มการซื้อขายหรือโบรกเกอร์เฉพาะทาง |
เงินบำนาญ | ผ่านทางบริษัทประกันภัยหรือที่ปรึกษาทางการเงิน |
การลงทุนแบบผสมผสาน | แพลตฟอร์มโบรกเกอร์หรือบริษัทกองทุนรวม |
สินค้าโภคภัณฑ์ | โดยตรงจากตัวแทนจำหน่าย (เช่น เหรียญทอง) ผ่านโบรกเกอร์ หรือผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ |
ลงทะเบียนเลย