ด้วยประสบการณ์ทำให้เทรดเดอร์ทุกคนได้ความรู้เรื่อง ระดับแนวรับและแนวต้าน, แนวโน้มและการพักตัว และตัวบ่งชี้ทางเทคนิคต่างๆ ด้วยการเทรดอย่างต่อเนื่องหลายเดือน การมองหารูปแบบ แท่งเทียนและรูปแบบกราฟจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น แต่คุณต้องเชี่ยวชาญบางสิ่งที่ซับซ้อนเพื่อ ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ไปดูกันเถอะ
1. Wolfe waves
บางครั้งราคาก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นรูปเป็นร่างมากกว่า ที่จะเป็นแค่รูปแบบการบีบอัดธรรมดาหรือรูปลิ่ม การเคลื่อนไหวของราคาเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึง การต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย: มีช่วงเวลาที่ผู้ซื้อ หรือผู้อื่นมีชัย แต่ก็มีช่วงเวลาที่อำนาจของพวกเขา เกือบเท่ากัน
มองหารูปร่างของราคาที่ดูคล้ายๆลิ่ม มุ่งความสนใจไปที่ขั้นตอนของรูปแบบ คุณจะต้องตื่นตัวเมื่อราคาสร้างสี่จุดแรก - หรืออีกนัยหนึ่งคือช่วงที่ค่อยๆแคบลง หลังจากนั้น อาจมีเกิดขึ้น 3 สถานการณ์:
- ราคาทำลายเส้น 1-3 แล้วไปต่อในทิศทางที่ทำลายออกไป
- ราคากลับตัวลงจากเส้น 1-3
- ราคาไปยืนเหนือเส้น 1-3 นิดหน่อยแล้วกลับตัวลงมา
สถานการณ์ที่สามสะท้อนถึงสิ่งที่เราเรียกว่า "Wolfe waves" หากจุดที่ 3 และ 4 อยู่เหนือจุดที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ให้เตรียมพร้อมสำหรับรูปแบบ bearish Wolfe waves มันสำคัญมากที่คลื่นที่ 1-2 และ 2-3 นั้นจะเท่ากัน (สมมาตร) เครื่องมือ Fibonacci นั้นช่วยได้ดีมากในการยืนยัน รูปแบบ: ปกติแล้วจุดที่ 3 จะอยู่ที่ 127.2% หรือ 161.8% ของคลื่น 1-2
มุ่งความสนใจไปที่จุดที่ 5 มือใหม่อาจเข้าใจผิดว่าเป็นการทำลาย มันเป็นส่วนที่หลอก คนได้ง่าย ปกติแล้วจุดที่ 5 จะอยู่ที่ส่วนขยาย 127.2% หรือ161.8% ของคลื่นที่ 3-4 นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ของรูปแบบระหว่างเส้น 1-3 และเส้นคู่ขนานกับ 2-4 ที่ลากจากจุดที่ 3: หากราคา กลับตัวลงมาใน "sweet zone" มันคือสัญญาณเข้าขาย หากไม่เป็นเช่นนั้น ก็จะถือว่าไม่ใช่รูปแบบ bearish Wolfe waves
Take Profit และ Stop Loss
ส่วนที่ดีคือรูปแบบจะให้เป้าหมายที่ชัดเจนแก่เทรดเดอร์
TP1: เส้นแนวรับ 2-4
TP2: ลากเส้นจากจุดที่ 1 ไป 4: เป้าหมายที่สอง จุดที่ 6 ควรอยู่ตรงนั้น การเคลื่อนที่ระหว่างจุดที่ 5 และ 6 จะนานหน่อย ฉะนั้นมันจะช่วยให้เทรดเดอร์ได้กำไรมากพอ
คุณสามารถวาง Stop Loss ไว้เหนือจุดที่ 5
สรุป
หากคุณเห็นรูปแบบของแท่งเทียนกลับตัวใน"sweet zone" ยิ้มแล้วเล็งไปที่เป้าหมายใหญ่ (จุดที่ 6) หากราคาวิ่งเลย "sweet zone" ไป นั่นเป็นอีกรูปแบบละ งั้นให้เทรดตามทิศทางที่ราคาทำลายออกมา
ไม่ซับซ้อนเลยใช่ป่ะ? สิ่งสำคัญที่คุณต้องฝึกฝนคือสายตาของคุณ: คุณจะต้อง ฝึกวิเคราะห์กราฟด้วยสายตาบ่อยๆจะได้จำ Wolfe waves ได้
2. Gartley
รูปแบบ Gartley เป็นหนึ่งในรูปแบบฮามอนิค รูแปบบเหล่านี้ (Crab, Butterfly, Bat, และShark) นั้นมีความคล้ายคลึงกันมากๆ ความแตกต่างระหว่างรูปแบบเหล่านั้นอยู่ที่สัดส่วน ที่แน่นอนของการแกว่งของราคา สำหรับตรรกะและการจดจำรูปแบบเหล่านี้ ให้พยามเชียวชาญ รูปแบบ Gartley ให้ได้ก่อนแล้วส่วนที่เหลือจะตามมาแบบชิลๆ
สิ่งที่ยากหลักๆของรูปแบบ Gartley คือมันดูเหมือนว่า ราคาจะอยู่จุดสูงสุดแล้วแต่ราคาก็ไปต่อ สังเกตว่าในทุกรูปแบบฮาร์มอนิกแบบ bullish จุดสูงสุดที่สองจะต่ำกว่าจุดสูงสุดแรก ยิ่งไปกว่านั้นโครงสร้างของรูปแบบ bullish จะคล้ายกับ ตัวอักษร M ในขณะที่รูปแบบ bearish จะเหมือนกับ W
เมื่อคุณสังเกตเห็นรูปร่างดังกล่าวบนกราฟ สิ่งแรกที่ เข้ามาในหัวควรจะเป็น: สถานการณ์ไม่ได้หวานหมูอย่างที่เห็น ลงมือ: เอา Fibo nacci ไปวัดระดับตำแหน่งของจุดสำคัญต่างๆ
- จุด B จะอยู่ที่จุดพักตัว 61.8% ของ XA นี่เป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุด
- จุด C สามารถอยู่ที่จุดพักตัว 38.2%-88.6% ของ AB
- จุด D จะพบได้ที่ส่วนขยาย 127.2%-161.8% ของ AB หรือที่จุดพักตัว 78.6% ของ XA
TP1: 61.8% ของ CD
TP2: ขนาดของ XA จะฉายออกมาจากจุด D
สำหรับ bullish Gartley อาจวาง Stop Loss ไว้ใต้ X (ส่วน bearish Gartley จะวางไว้เหนือX ) หรือตามกฏ การจัดการความเสี่ยงของคุณเอง
ปัญหาของรูปแบบฮาร์มอนิกคือในชีวิตจริงก็คือ รูปแบบที่คุณพบในกราฟจริงมันก็ไม่ได้มีอัตราส่วน เป๊ะๆตามที่รบุเอาไว้ข้างต้น ส่งผลให้ยิ่งรูปแบบ Gartley ในหนังสือและรูปแบบที่ คุณอยากเทรดนั้นแตกต่างกันมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งต้อง คำนึงถึงความเสี่ยงจากความคลาดเคลื่อนมากขึ้นเท่านั้น
สรุป
ปรับปรุงวิธีการที่คุณมองตลาด แม้ว่าคุณเลือกที่จะไม่ใช้รูปแบบ Gartley ในการหา สัญญาณเข้า แต่คุณก็ยังต้องคุ้นเคยกับรูปร่างของมัน เอาวไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนบนหรือ ล่างของตลาด คุณจะต้องประหลาดใจแน่ๆว่ารูปแบบพวกนี้มันเกิดขึ้น บ่อยแค่ไหน
3. รูปแบบ Three drives
นี่เป็นรูปแบบหลอกอีกอย่าง เทรดเดอร์มือใหม่อาจเข้าใจผิดว่าเป็นตลาดเป็น เทรนด์ที่แข็งแรง แต่เทรดเดอร์ที่เชี่ยวชาญก็น่าจะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด เช่นนั้นได้
รูปแบบเช่นนี้เกิดขึ้นในแนวโน้มที่ชัดเจน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตลาดที่มีทิศทางในบางช่วง จากนั้นคุณจะสังเกตเห็นว่าการแกว่งของราคาเริ่มมี ขนาดและรูปร่างใกล้เคียงกันจริงๆ นี่จะบอกคุณว่า: ระวัง ดูเหมือนว่าแนวโน้มจะมีการเปลี่ยนทิศ!
เช่นเดียวกับสองรูปแบบก่อนหน้านี้ คุณจะพบบาง อัตราส่วน Fibonacci ในรูปแบบนี้
- จุด A จะอยู่ที่จุดพักตัว 61.8% ของ drive 1
- จุด A จะอยู่ที่จุดพักตัว 61.8% ของ drive 2
- Drive 2 อยู่ที่ส่วนขยาย 127.2%-161.8% ของ A
- Drive 3 อยู่ที่ส่วนขยาย 127.2%-161.8% ของ B
มันไม่ใช่ว่าคุณจะต้องมานั่งจำอัตราส่วนหรืออะไรพวกนี้หรอก ระยะพักตัวที่ 61.8% ก็เป็นธรรมชาติมากๆและคุณอาจ จดจำหน้าตาของมันได้ด้วยตาเปล่า
- คุณสามารถเทรดที่ drive 3 ได้ เข้าตลาดในตอนที่คุณมั่นใจว่าตลาดได้สร้างจุด B ขึ้นมาแล้ว ( Buy ใน bearish Three-Drive และ Sell ใน bullish Three Drive) จุด Take Profit ควรจะอยู่แถวๆส่วนขยาย 127.2%-161.8% ของ B
- คุณสามารถเทรดในตอนที่รูปทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างสมบูรณแล้วได้ เข้าตลาดที่ระดับของส่วนขยาย 127.2%-161.8% ของ B ( Sell ใน bearish Three-Drive และ Buy ใน bullish Three Drive) จุด Take Profit ควรจะอยู่ที่ระดับ fibonacci 61.8% ของทั้งรูปแบบ
สรุป
บางครั้งแนวดน้มก็จบลงด้วยรูปแบบ Double top หรือ Head and Shoulders แต่มันเป็นไปได้ที่แนวโน้มจะ สิ้นสุดด้วยสามการแกว่งตัวที่คล้ายๆกัน มันสำคัญมากที่จะต้องรู้จักรูปแบบเหล่านี้ นอกจากนี้มันจะให้โอกาสดีๆในการเปิดออเดอร์