วิธีวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของสัญญาคงค้าง
สัญญาคงค้าง เป็นเครื่องมือทรงพลังที่มักถูกใช้งานน้อยเกินไป แม้ว่ามันไม่ได้ให้สัญญาณซื้อหรือขายที่ชัดเจนในตัวเอง แต่เมื่อรวมกับราคาและปริมาณการซื้อขายแล้ว มันจะช่วยเพิ่มบริบทที่มีคุณค่าให้การวิเคราะห์ การทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสัญญาคงค้างจะช่วยคุณในการติดตามความเชื่อมั่นของตลาด และจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น นี่คือวิธีวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของสัญญาคงค้าง:
กำหนดแนวโน้มราคาปัจจุบัน
ถามตัวเองว่าสัญญาคงค้างกำลังเพิ่มขึ้น คงที่ หรือลดลง?
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าริมาณการซื้อขายยืนยันสิ่งที่สัญญาคงค้างบ่งชี้
ตัวอย่างเช่น ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นพร้อมกับสัญญาคงค้างที่เพิ่มขึ้นและปริมาณการซื้อขายที่เหมาะสม บ่งชี้ถึงความต้องการซื้อโดยรวมที่แข็งแกร่ง หากราคาสูงขึ้นแต่สัญญาคงค้างคงที่และปริมาณการซื้อขายลดลง การปรับตัวขึ้นนี้อาจขาดแรงสนับสนุนจากภายใน ในทางกลับกัน แนวโน้มราคาในแนวนอนที่ควบคู่ไปกับสัญญาคงค้างและปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจหมายถึงการสะสมราคาที่นำไปสู่การทะลุในที่สุด
ลองดูสัญญาฟิวเจอร์สทองแดงเดือนธันวาคมที่ปรับตัวขึ้นจาก 3.50 ดอลลาร์ เป็น 4.20 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ ขณะที่สัญญาคงค้างเพิ่มขึ้นจาก 120,000 เป็น 180,000 สัญญา ซึ่งยืนยันแนวโน้มขาขึ้น หลังจากนั้น ทองแดงทำจุดสูงสุดใหม่เล็กน้อยในอีก 3 เซสชั่นถัดมา แต่สัญญาคงค้างลดลงเหลือ 170,000 สัญญา และปริมาณการซื้อขายรายวันก็ลดลง ความแตกต่างนี้เป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังมีการกระจายสัญญา Long ออกไปอย่างแข็งแกร่ง การที่ราคาทะลุระดับแนวรับระยะสั้นลงมาในเซสชั่นต่อมาจะยืนยันสัญญาณเตือนนี้และเป็นสัญญาณให้เทรดเดอร์ที่ใช้ข้อมูลสัญญาคงค้างเริ่มจัดการความเสี่ยงให้รัดกุมขึ้น
ข้อจำกัดและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด
สัญญาคงค้างเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่คุณไม่ควรพึ่งพามันเพียงอย่างเดียว เนื่องจากมันไม่สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างแท้จริง
สัญญาคงค้างจะถูกอัปเดตเพียงวันละครั้ง ดังนั้นข้อมูลจึงล่าช้าแบบไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนสัญญาตามฤดูกาลยังบิดเบือนตัวเลขโดยรวม เนื่องจากผู้เข้าร่วมตลาดจะโยกสัญญาที่ใกล้หมดอายุไปยังสัญญาเดือนถัดไป ควรดูรอบวันหมดอายุและชุดข้อมูลต่อเนื่องเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
สัญญาคงค้างจะไม่แสดงทิศทาง การที่สัญญาคงค้างเพิ่มขึ้นอาจหมายถึงมีผู้เล่น Long มากขึ้น หรือมีผู้เล่น Short มากขึ้นก็ได้ เนื่องจากแต่ละสัญญาแสดงถึงทั้งสองฝ่ายของการเทรด วิธีแก้คือนำข้อมูลนี้มาประกอบกับการเคลื่อนไหวของราคา ออปชั่นสคิว (options skew) หรือการจำแนกประเภทของเทรดเดอร์ เช่น รายงาน Commitment of Traders ของ CFTC เพื่อการยืนยันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การใช้สัญญาคงค้างจะช่วยให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้นและเพิ่มความเข้าใจในบริบทของตลาด แต่ก็อย่าลืมติดตามปริมาณการซื้อขายและเส้นแนวโน้มควบคู่ไปด้วย ในตลาดออปชั่น ให้วิเคราะห์สัญญาคงค้างตามราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเพื่อระบุระดับสำคัญ
สำรจการลงทุนอย่างชาญฉลาดกับ FBS — เริ่มเทรดวันนี้!